ในสหภาพยุโรป มีการผลิตเนื้อสัตว์ราว 47 ล้านตันในแต่ละปี คิดเป็นเนื้อสัตว์ราว 1.8 กก. ต่อสัปดาห์สำหรับทุกครัวเรือนในสหภาพยุโรปนอกจากนี้ยังมีการผลิตนมวัวมากกว่า 150 ล้านตันต่อปี ซึ่งมากถึงราว 6 ลิตรต่อคนต่อสัปดาห์

การทำปศุสัตว์ รวมถึงการทำกสิกรรมเพื่อผลิตอาหารสัตว์และทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ใช้พื้นที่ถึงร้อยละ 75 ของพื้นที่เพื่อการเกษตรทั้งหมดทั่วโลก3 ถึงแม้การผลิตเนื้อสัตว์ในสหภาพยุโรปจะใช้อาหารสัตว์จากการนำเข้า แต่การทำปศุสัตว์ยังคงใช้พื้นที่เกินครึ่งของพื้นที่เกษตรกรรมทั้งหมดในยุโรป

การผลิตเนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรมหรือที่เรียกกันว่า “อุตสาหกรรมปศุสัตว์” ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก เนื่องจากระบบอุตสาหกรรมปศุสัตว์ต้องใช้อาหาร น้ำ และยาจำนวนมาก ทั้งยังมีการใช้พื้นที่มหาศาลเพื่อปลูกพืชเลี้ยงสัตว์อย่างข้าวโพดและข้าวบาร์เลย์ รวมถึงการใช้สารกำจัดศัตรูพืช ปุ๋ยสังเคราะห์ และปุ๋ยคอกปริมาณมากในพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งปุ๋ยคอกที่ได้จากการทำอุตสาหกรรมปศุสัตว์มักมีสารโลหะตกค้างและยาสำหรับสัตว์อย่างยาปฏิชีวนะ ยิ่งไปกว่านั้น ปุ๋ยสังเคราะห์และปุ๋ยคอกต่างก็มีสารอาหารอย่างไนเตรทที่แม้จะสำคัญต่อการดำรงชีวิต แต่หากมีปริมาณมากเกินไปก็อาจทำลายระบบนิเวศของแหล่งน้ำได้

ในการทำอุตสาหกรรมปศุสัตว์ การใช้ยาสำหรับสัตว์และสารกำจัดศัตรูพืชทำให้สารโลหะและสารอาหารที่มีปริมาณมากเกินไปรั่วไหลสู่สิ่งแวดล้อมและไหลลงสู่แหล่งน้ำ จนสารต่าง ๆ ผสมรวมกัน ซึ่งจะทำลายระบบนิเวศอันเปราะบางของเราได้

อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ในสหภาพยุโรปนั้นได้รับเงินสนับสนุนจากนโยบายเกษตรร่วมของสหภาพยุโรป (Common Agricultural Policy: CAP) ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงการปฏิรูปนโยบาย ซึ่งจะเป็นโอกาสให้สหภาพยุโรปเปลี่ยนจากการให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมปศุสัตว์ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมมาสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตอาหารที่เป็นมิตรกับระบบนิเวศแทนได้ ซึ่งก็คือการผลิตที่เลี้ยงสัตว์ในจำนวนน้อยลง รวมถึงปลูกผักและผลไม้มากขึ้นด้วยเกษตรกรรมเชิงนิเวศ

ในเดือนมิถุนายนและเดือนกรกฎาคมปี พ.ศ. 2561 กรีนพีซได้ทำการทดลองในประเทศสหภาพยุโรป 10 ประเทศ ซึ่งผลการทดลองบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ในยุโรปนั้นสร้างมลพิษในแหล่งน้ำ โดยได้ทดสอบแม่น้ำและคลอง 29 แห่งในพื้นที่ที่มีการทำปศุสัตว์หนาแน่น และวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำเพื่อหาสารต่าง ๆ ได้แก่ ยาสำหรับสัตว์ สารกำจัดศัตรูพืช สารอาหาร และสารโลหะ

จากการทดสอบดังกล่าว กรีนพีซตรวจพบยาสำหรับสัตว์มากกว่า 20 ชนิดในจำนวนนี้เป็นยาปฏิชีวนะถึง 12 ชนิด และพบสารกำจัดศัตรูพืชมากกว่า 100 ชนิด ส่วนสารไนเตรทที่พบนั้นอยู่ที่ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งไม่เกินมาตรฐานที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้หากพบในปริมาณที่สูงกว่ามาตรฐานดังกล่าว ประเทศนั้นๆ จะต้องมีมาตรการคุ้มครองพื้นที่แม่น้ำ ทะเลสาบ และสิ่งมีชีวิตในน้ำ

การทำอุตสาหกรรมปศุสัตว์เป็นปัญหาหลักที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ ภายในปี พ.ศ. 2568 ครึ่งหนึ่งของประชากรโลกจะอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เข้าถึงแหล่งน้ำได้ยาก การปศุสัตว์เชิงอุตสาหกรรมใช้น้ำอย่างฟุ่มเฟือย ปล่อยมลพิษลงแหล่งน้ำ และคุกคามทรัพยากรอันมีค่ายิ่งของพวกเรา